New Year in France is one of the most traditional and oldest celebrations, but in fact they do not have any "rule" as on what to wear. New year in France is also known as Jour des Étrennes. This celebration starts on January 1 when the people start wishing each other Bonne Annees, which is the same as happy new year, and ends at January 6. They have a great show with fire works shot near the Eiffel tower. French people call New Year's Eve la Saint-Sylvestre. On this day they have a special feast called le Réveillon de Saint-Sylvestre in which they have nice dishes like pancakes and flavoured duck or goose. They drink champagne a white sparkling wine produced in the Champagne Region of France. They also drink Vin chaud (hot wine), but sparkling cider is also common. They also have a festival cake called galette des rois which has sometimes a little king figure baked inside. They believe, like several other countries, that this nice dinner brings a nice year to the family.
วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552
New Year in France
New Year in France is one of the most traditional and oldest celebrations, but in fact they do not have any "rule" as on what to wear. New year in France is also known as Jour des Étrennes. This celebration starts on January 1 when the people start wishing each other Bonne Annees, which is the same as happy new year, and ends at January 6. They have a great show with fire works shot near the Eiffel tower. French people call New Year's Eve la Saint-Sylvestre. On this day they have a special feast called le Réveillon de Saint-Sylvestre in which they have nice dishes like pancakes and flavoured duck or goose. They drink champagne a white sparkling wine produced in the Champagne Region of France. They also drink Vin chaud (hot wine), but sparkling cider is also common. They also have a festival cake called galette des rois which has sometimes a little king figure baked inside. They believe, like several other countries, that this nice dinner brings a nice year to the family.
วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552
Łazienki Palace
The Łazienki Palace—[waˈʑɛŋki]; Baths Palace (Polish: Pałac Łazienkowski); also called the Palace on the Water (Polish: Pałac na Wodzie) and the Palace on the Isle (Polish: Pałac na Wyspie)—is a Neoclassical palace in Warsaw's Royal Baths Park.
History
The building began as a bathhouse for Stanisław Herakliusz Lubomirski, owner of adjacent Ujazdów Castle.[1] Stanisław August Poniatowski decided to convert it into private quarters, and it was remodeled by Domenico Merlini between 1764 to 1795. The palace was nearly destroyed by the Germans in World War II.[2] Afterwards the palace served as a barracks.
Architecture
The palace is built on an artificial island that divides the lake into two parts, a smaller northern lake and a larger southern one. The palace is connected to the surrounding park by two Ionic colonnaded bridges. The façades are unified by an entablature carried by giant Corinthian pilasters that link its two floors and are crowned by a balustrade that bears statues of mythologic figures. The north façade is relieved by a central pedimented portico. On the south front, a deep central recess lies behind a screen of Corinthian columns.
วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันรัฐธรรมนูญ
วันที่ ๑o ธันวาคม เป็นวันรัฐธรรมนูญ ซึ่งจัดให้มีขึ้นทุกๆ ปี เพื่อเป็นการระลึกถึงการอุบัติขึ้นของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ
ก่อนหน้านี้ประเทศไทย มีการปกครองแบบระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จนกระทั่งวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ การเปลี่ยนแปลงนี้นำโดยกลุ่มคนรุ่นหนุ่มสาวที่ได้รับการศึกษาจากต่างประเทศ และได้รับอิทธิพลจากแนวความคิดด้านระบอบประชาธิปไตยตะวันตก กลุ่มนี้มีชื่อว่า "คระราษฎร์" นำโดยหลวงประดิษฐ์ มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการนองเลือด พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้มีการยกเลิกการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และทรงมอบรัฐธรรมนูญฉบับถาวรฉบับแรกของประเทศให้กับประชาชน ที่จริงแล้วพระองค์ทรงเตรียมการที่จะมอบอำนาจของพระองค์ให้อาณาประชาราษฎร์ก่อนที่จะมีการเรียกร้องเสียด้วยซ้ำไป
อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับ ต่างก็ยอมรับพระมหากษัตริย์ว่าทรงดำรงตำแหน่งเป็นประมุขของประเทศ ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก และทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ อำนาจอธิปไตยของพระองค์มาจาก ปวงชนชาวไทย และพระองค์ทรงใช้อำนาจ ๓ ทาง คือ อำนาจนิติบัญญัติ โดยผ่านรัฐสภา อำนาจบริหาร โดยผ่านคณะรัฐมนตรี และอำนาจตุลาการ โดยผ่านศาลยุติธรรม
ถึงแม้ว่าการปฏิวัติในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ จะนำมาซึ่งการสิ้นสุดของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ อันเป็นระบอบเก่าแก่มาหลายศตวรรษก็ตาม ความเคารพเลื่อมใสศรัทธาของชาวไทยที่มีต่อองค์พระมหากษัตริย์ก็ไม่มีวันเสื่อมคลาย ด้วยการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น ที่เห็นได้ชัดคือ พระบรมฉายาลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ไทยมีให้เห็นอยู่ทั่วพระราชอาณาจักร ในวันรัฐธรรมนูญจะมีการจัดพิธีฉลองวันนี้กันทั่วประเทศ โดยสถานที่ราชการ อาคารเอกชน และตึกสูงๆ จะประดับด้วยธงชาติ และธงประดับ พร้อมทั้งแสงไฟสว่างไสว ชาวไทยต่างพร้อมใจกันแสดงความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงพระมหากรุณาธิคุณ เปิดโอกาสให้ปวงชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารประเทศชาติ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มีทั้งหมด 16 ฉบับ ได้แก่ - ฉบับที่ 1 ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม พุทธศักราช 2475 - ฉบับที่ 2 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 - ฉบับที่ 3 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 - ฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2490 (ฉบับชั่วคราว) - ฉบับที่ 5 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 - ฉบับที่ 6 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2495 - ฉบับที่ 7 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2502 - ฉบับที่ 8 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 - ฉบับที่ 9 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2515 - ฉบับที่ 10 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 - ฉบับที่ 11 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519 - ฉบับที่ 12 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2520 - ฉบับที่ 13 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 (แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2528) - ฉบับที่ 14 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 - ฉบับที่ 15 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 - ฉบับที่ 16 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540
ก่อนหน้านี้ประเทศไทย มีการปกครองแบบระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จนกระทั่งวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ การเปลี่ยนแปลงนี้นำโดยกลุ่มคนรุ่นหนุ่มสาวที่ได้รับการศึกษาจากต่างประเทศ และได้รับอิทธิพลจากแนวความคิดด้านระบอบประชาธิปไตยตะวันตก กลุ่มนี้มีชื่อว่า "คระราษฎร์" นำโดยหลวงประดิษฐ์ มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการนองเลือด พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้มีการยกเลิกการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และทรงมอบรัฐธรรมนูญฉบับถาวรฉบับแรกของประเทศให้กับประชาชน ที่จริงแล้วพระองค์ทรงเตรียมการที่จะมอบอำนาจของพระองค์ให้อาณาประชาราษฎร์ก่อนที่จะมีการเรียกร้องเสียด้วยซ้ำไป
อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับ ต่างก็ยอมรับพระมหากษัตริย์ว่าทรงดำรงตำแหน่งเป็นประมุขของประเทศ ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก และทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ อำนาจอธิปไตยของพระองค์มาจาก ปวงชนชาวไทย และพระองค์ทรงใช้อำนาจ ๓ ทาง คือ อำนาจนิติบัญญัติ โดยผ่านรัฐสภา อำนาจบริหาร โดยผ่านคณะรัฐมนตรี และอำนาจตุลาการ โดยผ่านศาลยุติธรรม
ถึงแม้ว่าการปฏิวัติในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ จะนำมาซึ่งการสิ้นสุดของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ อันเป็นระบอบเก่าแก่มาหลายศตวรรษก็ตาม ความเคารพเลื่อมใสศรัทธาของชาวไทยที่มีต่อองค์พระมหากษัตริย์ก็ไม่มีวันเสื่อมคลาย ด้วยการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น ที่เห็นได้ชัดคือ พระบรมฉายาลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ไทยมีให้เห็นอยู่ทั่วพระราชอาณาจักร ในวันรัฐธรรมนูญจะมีการจัดพิธีฉลองวันนี้กันทั่วประเทศ โดยสถานที่ราชการ อาคารเอกชน และตึกสูงๆ จะประดับด้วยธงชาติ และธงประดับ พร้อมทั้งแสงไฟสว่างไสว ชาวไทยต่างพร้อมใจกันแสดงความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงพระมหากรุณาธิคุณ เปิดโอกาสให้ปวงชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารประเทศชาติ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มีทั้งหมด 16 ฉบับ ได้แก่ - ฉบับที่ 1 ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม พุทธศักราช 2475 - ฉบับที่ 2 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 - ฉบับที่ 3 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 - ฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2490 (ฉบับชั่วคราว) - ฉบับที่ 5 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 - ฉบับที่ 6 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2495 - ฉบับที่ 7 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2502 - ฉบับที่ 8 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 - ฉบับที่ 9 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2515 - ฉบับที่ 10 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 - ฉบับที่ 11 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519 - ฉบับที่ 12 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2520 - ฉบับที่ 13 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 (แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2528) - ฉบับที่ 14 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 - ฉบับที่ 15 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 - ฉบับที่ 16 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540
วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552
World AIDS Day
World AIDS Day, observed December 1 each year, is dedicated to raising awareness of the AIDS pandemic caused by the spread of HIV infection. It is common to hold memorials to honor persons who have died from HIV/AIDS on this day. Government and health officials also observe the event, often with speeches or forums on the AIDS topics. Since 1995, the President of the United States has made an official proclamation on World AIDS Day. Governments of other nations have followed suit and issued similar announcements.
AIDS has killed more than 25 million people between 1981 and 2007, and an estimated 33.2 million people worldwide live with HIV as of 2007, making it one of the most destructive epidemics in recorded history. Despite recent, improved access to antiretroviral treatment and care in many regions of the world, the AIDS epidemic claimed an estimated 2 million lives in 2007, of which about 270,000 were children.
AIDS has killed more than 25 million people between 1981 and 2007, and an estimated 33.2 million people worldwide live with HIV as of 2007, making it one of the most destructive epidemics in recorded history. Despite recent, improved access to antiretroviral treatment and care in many regions of the world, the AIDS epidemic claimed an estimated 2 million lives in 2007, of which about 270,000 were children.
History
World AIDS Day was first conceived in August 1987 by James W. Bunn and Thomas Netter, two public information officers for the Global Programme on AIDS at the World Health Organization in Geneva, Switzerland. Bunn and Netter took their idea to Dr. Jonathan Mann, Director of the Global Programme on AIDS (now known as UNAIDS). Dr. Mann liked the concept, approved it, and agreed with the recommendation that the first observance of World AIDS Day should be 1 December, 1988.
Bunn suggested the date of December 1st to ensure coverage by western news media, something he believed was vital to the success of World AIDS Day. He felt that because 1988 was an election year in the U.S. media outlets would be weary of their post-election coverage and eager to find a fresh story to cover. Bunn and Netter felt that December 1 was long enough after the election and soon enough before the Christmas holidays that it was, in effect, a dead spot in the news calendar and thus perfect timing for World AIDS Day.
(Bunn, originally a reporter covering the epidemic for KPIX-TV in San Francisco, along with producer Nancy Saslow, also conceived and initiated “AIDS Lifeline” – a public awareness and health education campaign that was syndicated to television stations in the U.S. "AIDS Lifeline" was honored with a Peabody Award, a local Emmy, and the first National Emmy ever awarded to a local station in the U.S.
On 18 June, 1986 the “AIDS Lifeline” project was honored with a Presidential Citation for Private Sector Initiatives, presented by President Ronald Reagan. Bunn was then asked by Dr. Mann, on behalf of the U.S. government, to take a two-year leave-of-absence from his reporting duties to join Dr. Mann (an epidemiologist for the Centers for Disease Control) and assist in the creation of the Global Programme on AIDS. Mr. Bunn accepted and was named the first Public Information Officer for the Global Programme on AIDS. Along with Mr. Netter he created, designed, and implemented the inaugural World AIDS Day observance – now the longest-running disease awareness and prevention initiative of its kind in the history of public health.)
The Joint United Nations Programme on HIV/AIDS (UNAIDS) became operational in 1996, and it took over the planning and promotion of World AIDS Day. Rather than focus on a single day, UNAIDS created the World AIDS Campaign in 1997 to focus on year-round communications, prevention and education.
In its first two years, the theme of World AIDS Day focused on children and young people. These themes were strongly criticized at the time for ignoring the fact that people of all ages may become infected with HIV and suffer from AIDS. But the themes drew attention to the HIV/AIDS epidemic, helped alleviate some of the stigma surrounding the disease, and helped boost recognition of the problem as a family disease.
In 2004, the World AIDS Campaign became an independent organization.
Each year, Popes John Paul II and Benedict XVI have released a greeting message for patients and doctors on World AIDS Day.
Bunn suggested the date of December 1st to ensure coverage by western news media, something he believed was vital to the success of World AIDS Day. He felt that because 1988 was an election year in the U.S. media outlets would be weary of their post-election coverage and eager to find a fresh story to cover. Bunn and Netter felt that December 1 was long enough after the election and soon enough before the Christmas holidays that it was, in effect, a dead spot in the news calendar and thus perfect timing for World AIDS Day.
(Bunn, originally a reporter covering the epidemic for KPIX-TV in San Francisco, along with producer Nancy Saslow, also conceived and initiated “AIDS Lifeline” – a public awareness and health education campaign that was syndicated to television stations in the U.S. "AIDS Lifeline" was honored with a Peabody Award, a local Emmy, and the first National Emmy ever awarded to a local station in the U.S.
On 18 June, 1986 the “AIDS Lifeline” project was honored with a Presidential Citation for Private Sector Initiatives, presented by President Ronald Reagan. Bunn was then asked by Dr. Mann, on behalf of the U.S. government, to take a two-year leave-of-absence from his reporting duties to join Dr. Mann (an epidemiologist for the Centers for Disease Control) and assist in the creation of the Global Programme on AIDS. Mr. Bunn accepted and was named the first Public Information Officer for the Global Programme on AIDS. Along with Mr. Netter he created, designed, and implemented the inaugural World AIDS Day observance – now the longest-running disease awareness and prevention initiative of its kind in the history of public health.)
The Joint United Nations Programme on HIV/AIDS (UNAIDS) became operational in 1996, and it took over the planning and promotion of World AIDS Day. Rather than focus on a single day, UNAIDS created the World AIDS Campaign in 1997 to focus on year-round communications, prevention and education.
In its first two years, the theme of World AIDS Day focused on children and young people. These themes were strongly criticized at the time for ignoring the fact that people of all ages may become infected with HIV and suffer from AIDS. But the themes drew attention to the HIV/AIDS epidemic, helped alleviate some of the stigma surrounding the disease, and helped boost recognition of the problem as a family disease.
In 2004, the World AIDS Campaign became an independent organization.
Each year, Popes John Paul II and Benedict XVI have released a greeting message for patients and doctors on World AIDS Day.
Choosing the theme
From its inception until 2004, UNAIDS spearheaded the World AIDS Day campaign, choosing annual themes in consultation with other global health organizations.
As of 2008, each year's World AIDS Day theme is chosen by the World AIDS Campaign's Global Steering Committee after extensive consultation with people, organizations and government agencies involved in the prevention and treatment of HIV/AIDS. For each World AIDS Day from 2005 through 2010, the theme will be "Stop AIDS. Keep the Promise.", with a yearly sub-theme. This overarching theme is designed to encourage political leaders to keep their commitment to achieve universal access to HIV/AIDS prevention, treatment, care, and support by the year 2010.
This theme is not specific to World AIDS Day, but is used year-round in WAC's efforts to highlight HIV/AIDS awareness within the context of other major global events including the G8 Summit. World AIDS Campaign also conducts "in-country" campaigns throughout the world, like the Student Stop AIDS Campaign, an infection-awareness campaign targeting young people throughout the UK.
As of 2008, each year's World AIDS Day theme is chosen by the World AIDS Campaign's Global Steering Committee after extensive consultation with people, organizations and government agencies involved in the prevention and treatment of HIV/AIDS. For each World AIDS Day from 2005 through 2010, the theme will be "Stop AIDS. Keep the Promise.", with a yearly sub-theme. This overarching theme is designed to encourage political leaders to keep their commitment to achieve universal access to HIV/AIDS prevention, treatment, care, and support by the year 2010.
This theme is not specific to World AIDS Day, but is used year-round in WAC's efforts to highlight HIV/AIDS awareness within the context of other major global events including the G8 Summit. World AIDS Campaign also conducts "in-country" campaigns throughout the world, like the Student Stop AIDS Campaign, an infection-awareness campaign targeting young people throughout the UK.
วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
Air France
Air France (officiellement, Société Air France) (code IATA : AF ; code OACI : AFR ; indicatif radio : airfrans) est la première compagnie aérienne française. Elle dessert les principaux aéroports français, ainsi qu'un très grand nombre de destinations étrangères et fait désormais partie, avec KLM du groupe privatisé Air France-KLM. Elle fait aussi partie de l'alliance SkyTeam et son hub principal (plate-forme de correspondance) est situé sur l'aéroport Paris-Charles-de-Gaulle avec lequel elle entretient de nombreux accords d'exploitation. Air France possède la certification IOSA de l'IATA.
Trois activités principales (les classements sont ceux du groupe Air France-KLM) :
le transport de passagers : 1er groupe européen avec 25,5 % de part de marché (novembre 2004) et 1er groupe mondial en termes de chiffre d'affaires.
le transport de fret : 1er groupe mondial pour le transport de fret international, hors intégrateurs, 3e avec (derrière Fedex et UPS).
la maintenance et l’entretien des avions : 1er opérateur mondial multiproduits.
Trois activités principales (les classements sont ceux du groupe Air France-KLM) :
le transport de passagers : 1er groupe européen avec 25,5 % de part de marché (novembre 2004) et 1er groupe mondial en termes de chiffre d'affaires.
le transport de fret : 1er groupe mondial pour le transport de fret international, hors intégrateurs, 3e avec (derrière Fedex et UPS).
la maintenance et l’entretien des avions : 1er opérateur mondial multiproduits.
Histoire
1933-1945
Air-France a été fondée le 31 août 1933 par la fusion de 4 compagnies principales du transport aérien français : Air Orient, Air Union, la C.I.D.N.A. et les lignes Farman, sous forme d'une société anonyme au capital de 120 millions de francs dans laquelle l’État détenait au moins 25 % des actions et serait représenté au conseil d’administration dans les mêmes proportions. Cette société racheta les actifs de l'Aéropostale, à l'époque en liquidation judiciaire. Le 7 octobre 1933, une cérémonie au Bourget consacra la nouvelle compagnie que présidait M. Roume, ancien président d'Air Orient, et auparavant gouverneur général de l'Indochine et de l'Afrique Occidentale Française. À l’origine, elle avait comme symbole un hippocampe ailé affectueusement surnommée la crevette par les personnels. Cet emblème était celui d'Air Orient.
La crevette
1945-1960
Le 26 juin 1945 au lendemain de la Seconde Guerre mondiale, l’Aviation civile française fut nationalisée et Air France devient alors propriété de l’État. Le 1 er juillet 1946, la liaison Paris-New York est officiellement inaugurée avec un DC-4 en moins de 20 heures. Elle absorbe ses filiales Air Bleu et Air France Transatlantique en 1948. En 1953, Air France se modernise, elle introduit le Lockheed Constellation à sa flotte pour les vols transatlantiques. Au début des années 60, Air France met en service les nouveaux avions à réaction de l'époque, la Caravelle et le Boeing 707 réduisant ainsi les temps de vol.
Ancien logo de la compagnie (1999-2009)
1974-1999
En 1974, elle s'installe au nouvel aérogare de Roissy, introduisant les avions gros porteurs à sa flotte soit l'Airbus A300 et le Boeing 747. Le 21 janvier 1976, premier vol commercial du Concorde entre Paris, Dakar et Rio de Janeiro. Le 12 janvier 1990, l'État achète au groupe Chargeurs SA de Jérôme Seydoux la quasi-totalité du capital de la compagnie privée UTA qui se trouve de fait nationalisée. Les compagnies aériennes appartenant au gouvernement français, c'est-à-dire Air France, Air Inter, Air Charter et UTA sont réunies au sein du Groupe Air France mais conservent provisoirement leur autonomie. Une nouvelle compagnie, Groupe Air France, est créée par décret le 25 juillet 1994, qui entra en vigueur le 1er septembre suivant. Cette société détenait la majorité des parts du capital d’Air France et d'Air Inter rebaptisée Air France Europe. Le 10 février 1999, Air France fait l'objet d'une privatisation partielle.
2000-2009
En 2000, les avions et personnels de La Société d'Exploitation Aéropostale (L'Aéropostale ou SEA) créés en 1991 en partenariat avec le groupe La Poste, sont également intégrés au Groupe Air France.
Le 22 juin 2000, Air France s'allie avec les compagnies aériennes Delta Air Lines, Aeroméxico et Korean Air pour former l'alliance SkyTeam.
Le groupe (Air France-KLM) qu’elle forme désormais avec KLM depuis le 3 mai 2004 fait d’elle une société privatisée même si l'État français détient encore des parts importantes au sein du capital.
Le 30 octobre 2009, Air France-KLM a reçu son premier Airbus A380.
Air-France a été fondée le 31 août 1933 par la fusion de 4 compagnies principales du transport aérien français : Air Orient, Air Union, la C.I.D.N.A. et les lignes Farman, sous forme d'une société anonyme au capital de 120 millions de francs dans laquelle l’État détenait au moins 25 % des actions et serait représenté au conseil d’administration dans les mêmes proportions. Cette société racheta les actifs de l'Aéropostale, à l'époque en liquidation judiciaire. Le 7 octobre 1933, une cérémonie au Bourget consacra la nouvelle compagnie que présidait M. Roume, ancien président d'Air Orient, et auparavant gouverneur général de l'Indochine et de l'Afrique Occidentale Française. À l’origine, elle avait comme symbole un hippocampe ailé affectueusement surnommée la crevette par les personnels. Cet emblème était celui d'Air Orient.
La crevette
1945-1960
Le 26 juin 1945 au lendemain de la Seconde Guerre mondiale, l’Aviation civile française fut nationalisée et Air France devient alors propriété de l’État. Le 1 er juillet 1946, la liaison Paris-New York est officiellement inaugurée avec un DC-4 en moins de 20 heures. Elle absorbe ses filiales Air Bleu et Air France Transatlantique en 1948. En 1953, Air France se modernise, elle introduit le Lockheed Constellation à sa flotte pour les vols transatlantiques. Au début des années 60, Air France met en service les nouveaux avions à réaction de l'époque, la Caravelle et le Boeing 707 réduisant ainsi les temps de vol.
Ancien logo de la compagnie (1999-2009)
1974-1999
En 1974, elle s'installe au nouvel aérogare de Roissy, introduisant les avions gros porteurs à sa flotte soit l'Airbus A300 et le Boeing 747. Le 21 janvier 1976, premier vol commercial du Concorde entre Paris, Dakar et Rio de Janeiro. Le 12 janvier 1990, l'État achète au groupe Chargeurs SA de Jérôme Seydoux la quasi-totalité du capital de la compagnie privée UTA qui se trouve de fait nationalisée. Les compagnies aériennes appartenant au gouvernement français, c'est-à-dire Air France, Air Inter, Air Charter et UTA sont réunies au sein du Groupe Air France mais conservent provisoirement leur autonomie. Une nouvelle compagnie, Groupe Air France, est créée par décret le 25 juillet 1994, qui entra en vigueur le 1er septembre suivant. Cette société détenait la majorité des parts du capital d’Air France et d'Air Inter rebaptisée Air France Europe. Le 10 février 1999, Air France fait l'objet d'une privatisation partielle.
2000-2009
En 2000, les avions et personnels de La Société d'Exploitation Aéropostale (L'Aéropostale ou SEA) créés en 1991 en partenariat avec le groupe La Poste, sont également intégrés au Groupe Air France.
Le 22 juin 2000, Air France s'allie avec les compagnies aériennes Delta Air Lines, Aeroméxico et Korean Air pour former l'alliance SkyTeam.
Le groupe (Air France-KLM) qu’elle forme désormais avec KLM depuis le 3 mai 2004 fait d’elle une société privatisée même si l'État français détient encore des parts importantes au sein du capital.
Le 30 octobre 2009, Air France-KLM a reçu son premier Airbus A380.
วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
Train TGV
Train TGV POS (French train à grande vitesse means high-speed trains) (number 4401-4419) is one of the high-speed trains. Provided by SNCF (French: Société Nationale des Chemins de fer Français means the French National Railways), which was created by Al Ministry of environment. (ALSTOM) current TGV POS 4402 number (called V150) can overtake the world's fastest TGV Atlantique 325 number can speed up to 574.8 kilometers per hour [1] in the test run on April 3 2550 by the procession of vehicles that are tailored. For the world record.
Train TGV POS is one of the 3 Generation family of train TGV (including TGV Duplex, Thalys PBKA and TGV POS), manufactured by ALSTOM, which has been developed to increase horsepower than ever. The car is of a TGV POS is 12,900 hp and 25kV electrical power to different district. The receive power from the power lines above the track. Using antenna trolley. (pantograph) has a maximum speed of 320 km / h (maximum speed 4402 except number 574.8 km / h) of the bus. The bogie buses came from the old TGV Réseau some modifications into a TGV Réseau-Duplex (TGV-RD) (the double bogie buses (Duplex) instead of one bogie buses) used both internally and improve. external to the beautiful and more comfortable and run C codes bogie buses, those that provide services within Lacroix and second class passengers. Padded end to adjust to. As well as a restaurant in central bogie train car. (Bogie about 4) as well as seats for children and families to take the cart for the disabled. The electric motor is installed in every carriage between the bogie wheels. To add capacity to the car.
วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
Singapore
Singapore (English: Singapore), or official name is. Republic of Singapore (English: Republic of Singapore) is located on the island city-state in Southeast Asia at latitude 1 ° 17'35 "North Longitude 103 ° 51'20" East is located at the south end of the Malay Peninsula. Southern state of Johor, Malaysia. And the north of the island of Indonesia Series banter.
Earlier in Singapore is located Malayan tip. A place of merchants around the world live product was called Temasek (Two to sic) a king parents. During the 17th century prince has concealed trim spa trip seeking land to build new cities. But they ship wreck down. He was swimming ashore. Then they saw a beaver shape body red head Dmhaw leonine white chest. He has asked that people follow. What is the animal that people would respond that it is tracking lion He has renamed Temasek new waste that Singh Singh to hold key period between the time went to Sultan of Melaka.
Hunting colonial era. Singapore the first country to take them to the harbor in 1511 and Portugal last year was to supplant the Dutch harbor, but about the year 1817 to compete with English in Dutch colonial. England sent Sir Thomas established New Ford Business of Floating Lay Raffles Bar in Singapore to explore the land. Now that Singapore has the Sultan parents. Raffles Sultan agreed with that. Will set the UK's commercial station here. Last but Singapore English is taken as a colony successfully
วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552
Chutes Victoria
Les chutes Victoria sont l'une des plus spectaculaires chutes d'eau. Elles sont situées sur le fleuve Zambèze, qui constitue à cet endroit la frontière entre la Zambie, à proximité de la ville de Livingstone, et le Zimbabwe. Le fleuve se jette dans la cataracte sur environ 1 700 mètres de largeur, et une hauteur de 128 mètres. Elles donnent un spectacle particulièrement remarquable, par leur disposition particulière - elles se jettent dans une longue faille du plateau, pour s'échapper par un étroit canyon. Elles peuvent ainsi être vues de face à quelques mètres.
Victoria Falls เป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุด. พวกเขาจะอยู่ที่แม่น้ำซัมเบซิแม่น้ำซึ่งรูปแบบที่นี่ชายแดนระหว่างแซมเบียใกล้เมือง Livingstone และซิมบับเว. แม่น้ำไหลลงน้ำตกประมาณ 1 700 เมตรกว้างและความสูง 128 เมตร. พวกเขาให้ประสิทธิภาพโดยเฉพาะพิเศษสำหรับการจัดโดยเฉพาะพวกเขา - พวกเขาไหลลงในช่องว่างยาวในหิ้งไปรอดผ่านหุบเขาลึกแคบ. พวกเขาสามารถมองเห็นจากด้านหน้าไม่กี่หลา.
Découverte
Bien qu'elles fussent connues des populations locales sous le nom de Mosi-oa-Tunya, la « fumée qui gronde », David Livingstone, l'explorateur écossais qui fut le premier européen à observer les chutes en 1855, les renomma en l'honneur de la Reine Victoria du Royaume-Uni, La ville zambienne voisine est du nom de l'explorateur.
ค้นพบ
แม้ว่าพวกเขารู้จักกับคนท้องถิ่นเรียกว่า Mosi-oa-Tunya, ค "ที่ thunders", David Livingstone, explorer สกอตแลนด์ที่เป็นครั้งแรกในยุโรปดูตกหลุม 1,855 เปลี่ยนชื่อในเกียรติของควีนวิคตอเรียแห่งสหราชอาณาจักรเมืองใกล้เคียงแซมเบียมีชื่อหลังจาก explorer.
Détails
De nombreux ilots au sommet des chutes divisent le flot en une série de chutes distinctes. La brume et le sourd grondement produits sont perceptibles jusqu'à une distance d'environ 40 kilomètres. À travers les siècles, les chutes ont remonté l'aval du fleuve, s'écoulant en différents endroits des gorges, formant de nos jours le canyon escarpé et en zig-zag en aval des chutes.
La marmite, qui est le début d'une impressionnante série de gorges (80 kilomètres de long) à travers lesquelles la rivière s'écoule après les chutes, est barrée par un pont long de 198 mètres et s'élevant à 94 mètres au dessus des eaux. Il est l'un des seuls quatre ponts franchissant le fleuve. Il est un lieu connu de pratique de benji. Le rafting est pratiqué dans les gorges en contrebas.
Pendant la saison des pluies, le fleuve charrie quelque 9 100 m3 d'eau par seconde. Pendant la saison sèche, les chutes peuvent occasionnellement être réduites à quelques cascades, et le grondement et le brouillard disparaître. À ce moment il est possible, si l'on n'est pas sujet au vertige de se baigner jusqu'à l'extrême limite de la crête.
La marmite, qui est le début d'une impressionnante série de gorges (80 kilomètres de long) à travers lesquelles la rivière s'écoule après les chutes, est barrée par un pont long de 198 mètres et s'élevant à 94 mètres au dessus des eaux. Il est l'un des seuls quatre ponts franchissant le fleuve. Il est un lieu connu de pratique de benji. Le rafting est pratiqué dans les gorges en contrebas.
Pendant la saison des pluies, le fleuve charrie quelque 9 100 m3 d'eau par seconde. Pendant la saison sèche, les chutes peuvent occasionnellement être réduites à quelques cascades, et le grondement et le brouillard disparaître. À ce moment il est possible, si l'on n'est pas sujet au vertige de se baigner jusqu'à l'extrême limite de la crête.
รายละเอียด
Islets หลายที่ด้านบนของต่ำที่แบ่งกระแสในชุดยาหยอดแยก. หมอกและต่ำผลิตภัณฑ์ดังก้องร้องมองเห็นในระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร. ถึงศตวรรษที่ต่ำถูกกู้คืนล่องของแม่น้ำที่ไหลในส่วนต่างๆของหุบนั้นก่อนวันนี้หุบเขาลึกและ zig-zag ลงต่ำ. หม้อซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของชุดประทับใจของ grooves (80 กิโลเมตรยาว) จากการที่กระแสแม่น้ำหลังจากที่ต่ำเป็น crossed ด้วยสะพาน 198 เมตรยาว 94 เมตรขึ้นด้านบนน้ำ. มันเป็นเพียงสี่สะพานข้ามแม่น้ำ. มันเป็นสถานที่รู้จักของ benji ปฏิบัติ. ล่องแก่งมีประสบการณ์ในหุบด้านล่าง. ในช่วงฤดูฝน, แม่น้ำบางประกอบ 9 100 M3 น้ำต่อวินาที. ในช่วงฤดูแล้งที่ต่ำบางครั้งอาจลดลงไปน้ำตกน้อยและแผดเสียงและหมอกหาย. ณจุดก็เป็นไปได้นี้หากไม่อาจ vertigo ว่ายน้ำไปไกลขอบของสัน.
วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2552
Danish
UK, Danish (Danish: Kongeriget Danmark) is the Nordic countries. The land is located on the main factors need Peninsula Land. North of Germany. A neighboring land alone. South of Norway. And southwestern Sweden. Stretch bordering the North Sea and the Sea of the Baltic States. Danish offshore territories are far away two. The Faroe Islands and Greenland. Each of the power of autonomy.
Danish Government has the absolute monarch upon renal year under the Constitution and is part of the European Union. But not yet joined the euro currency. A founding member of the Danish version of the North Atlantic Treaty Organization.
Danish is a parliamentary democracy. The king is head of the country under the Constitution. Her Majesty Queen came Gregory 2, He is King and Queen made a royal head of the Danish Kingdom.
Danish Parliament (The Forketing) is the only parliamentary system. Council of 179 members who come from the election. (Including representatives from the Faroe Islands and Greenland 2 people 2 persons) have 4-year term positions with the Prime Minister and Cabinet. Served in the Administration. And the Prime Minister has the power to dissolve the parliament Judicial Institute.
Danish political system is a multi-party politics. That each party will be elected representatives into Parliament. The Danish government often must be managed. It is supported by a minority voice in the Council at least one party always. Means that Danish politics is a political coalition building-block from the Year 2452 (This was in 1909) since no political party or a party of Danish to acquire a majority in parliament is only one party now.
วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552
Colombie
La Colombie, officiellement la République de Colombie (en espagnol República de Colombia), est un pays situé au Nord-Ouest de l'Amérique du Sud. Elle est l'unique pays d'Amérique du Sud doté de côtes sur l'océan Pacifique et la mer des caraïbes. Sa capitale est Bogotá, sa langue nationale est l'espagnol et sa monnaie est le peso. La Colombie est le troisième plus grand pays hispanophone au monde après le Mexique et l'Espagne.
Histoire
Les colonisateurs espagnols arrivèrent dans cette région aux alentours de 1500, y trouvant les tribus indigènes Chibchas (ou Muiscas) et les Taironas, lesquelles furent décimées et conquises. Les Espagnols y ont implanté diverses colonies, qui, plus tard, furent converties en provinces fondant la Nouvelle-Grenade comme noyau au tout début et, à partir de 1717, comme vice-royauté. Cette vice-royauté incluait diverses provinces qui avaient appartenu jusqu'à ce moment à la juridiction des vice-royautés de la Nouvelle Espagne et du Pérou.
Le mouvement indépendantiste débuta en 1810, mené en grande partie par Simón Bolívar et Francisco de Paula Santander, et triompha en 1819. Le territoire qui était alors connu comme étant la vice-royauté de Nouvelle-Grenade, fut converti en République Fédérale de la Grande Colombie suite à la Bataille de Boyacá (le 7 août 1819).
Les divisions au sein du pouvoir interne conduisirent en 1830 à la séparation des départements qui composaient la Grande Colombie : le Venezuela, l'Équateur et la Colombie. À la suite de cette séparation, Cundinamarca prit le nom de Nouvelle-Grenade jusqu'en 1886 où il prit le nom actuel de République de Colombie. Ces divisions internes demeurèrent, déclenchant ainsi une guerre civile qui aboutit à la sécession de Panamá en 1903, avec l'ingérence des États-Unis.
En 1948, l’assassinat à Bogota du dirigeant de gauche Jorge Eliecer Gaitan provoque une guerre civile - La Violencia - entre les deux forces politiques qui se partagent le pouvoir, libéraux et conservateurs. Cela va durer huit ans (1948-1957) et provoquer près de trois cent mille morts[1].
La réconciliation des libéraux et des conservateurs ne se traduit pas par un programme de développement social et de réduction des inégalités. Plusieurs groupes armés refusent, en conséquence, de rendre les armes.
Depuis les années 1960, la Colombie connait donc un conflit armé impliquant des guérillas telles que les Forces armées révolutionnaires de Colombie (FARC) ou l'Ejército de Liberación Nacional (ELN) et des groupes paramilitaires d'extrême-droite, mis sur pied par les grands propriétaires terriens, comme les Autodéfenses unies de Colombie (AUC) où les Águilas Negras (Aigles Noirs), désormais rassemblés au sein d’une seule organisation (AUC), afin d’être reconnus comme de véritables acteurs politiques.
Le mouvement indépendantiste débuta en 1810, mené en grande partie par Simón Bolívar et Francisco de Paula Santander, et triompha en 1819. Le territoire qui était alors connu comme étant la vice-royauté de Nouvelle-Grenade, fut converti en République Fédérale de la Grande Colombie suite à la Bataille de Boyacá (le 7 août 1819).
Les divisions au sein du pouvoir interne conduisirent en 1830 à la séparation des départements qui composaient la Grande Colombie : le Venezuela, l'Équateur et la Colombie. À la suite de cette séparation, Cundinamarca prit le nom de Nouvelle-Grenade jusqu'en 1886 où il prit le nom actuel de République de Colombie. Ces divisions internes demeurèrent, déclenchant ainsi une guerre civile qui aboutit à la sécession de Panamá en 1903, avec l'ingérence des États-Unis.
En 1948, l’assassinat à Bogota du dirigeant de gauche Jorge Eliecer Gaitan provoque une guerre civile - La Violencia - entre les deux forces politiques qui se partagent le pouvoir, libéraux et conservateurs. Cela va durer huit ans (1948-1957) et provoquer près de trois cent mille morts[1].
La réconciliation des libéraux et des conservateurs ne se traduit pas par un programme de développement social et de réduction des inégalités. Plusieurs groupes armés refusent, en conséquence, de rendre les armes.
Depuis les années 1960, la Colombie connait donc un conflit armé impliquant des guérillas telles que les Forces armées révolutionnaires de Colombie (FARC) ou l'Ejército de Liberación Nacional (ELN) et des groupes paramilitaires d'extrême-droite, mis sur pied par les grands propriétaires terriens, comme les Autodéfenses unies de Colombie (AUC) où les Águilas Negras (Aigles Noirs), désormais rassemblés au sein d’une seule organisation (AUC), afin d’être reconnus comme de véritables acteurs politiques.
Culture
La culture colombienne a subi une grande influence de la culture espagnole, la religion, la danse, la musique et dans la vie quotidienne.
La religion catholique tient une place très importante dans la culture colombienne. En effet, la grande majorité des colombiens sont catholiques, et près de 40% d'entre-eux sont pratiquants.
Le mélange des cultures espagnole, africaine, et amérindienne ont modelé la façon de vivre des colombiens. Ainsi, la salsa cubaine est également la danse la plus populaire en Colombie. Le flamenco et la cuisine espagnole sont très répandus dans le pays.
L'influence culturelle américaine se ressent fortement en Colombie. La jeunesse colombienne s'est beaucoup "américanisée" depuis les années 90, écoutant la pop music des Etats-Unis et regardant les émissions télévisées américaines. Le pays est émmetteur de la chaine CNN. La Colombie est, par exemple, le troisième pays possédant le plus de restaurants Mc Donalds en Amérique du Sud, derrière le Brésil et l'Argentine.
La religion catholique tient une place très importante dans la culture colombienne. En effet, la grande majorité des colombiens sont catholiques, et près de 40% d'entre-eux sont pratiquants.
Le mélange des cultures espagnole, africaine, et amérindienne ont modelé la façon de vivre des colombiens. Ainsi, la salsa cubaine est également la danse la plus populaire en Colombie. Le flamenco et la cuisine espagnole sont très répandus dans le pays.
L'influence culturelle américaine se ressent fortement en Colombie. La jeunesse colombienne s'est beaucoup "américanisée" depuis les années 90, écoutant la pop music des Etats-Unis et regardant les émissions télévisées américaines. Le pays est émmetteur de la chaine CNN. La Colombie est, par exemple, le troisième pays possédant le plus de restaurants Mc Donalds en Amérique du Sud, derrière le Brésil et l'Argentine.
วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552
Netherlands
Netherlands, or often called Holland (Holland) or is the official name is. Kingdom of the Netherlands (Kingdom of the Netherlands) a derivation of the word "Neder" or "low" because the terrain is mostly plains of the Netherlands. And about one in four regions of the country below sea level. The Netherlands has region by adjusting pump water from lakes and different to take advantage. The Netherlands is the dam and drainage pumping station number. Area to prevent about half of the country experiencing flood conditions. Netherlands have all construction engineering, water management, the largest in the world.
Terrain is plains. Most areas have a sea before, so this country is lower than sea level. Only in the southeast area Lim Blakemore. Only he can see hills. Rhine River flowing from Germany. River is an important line of the country. Because the country is below sea level, causing build dams. In order to prevent sea water flowing at flood. Because the Netherlands is located in the North Sea coast. Has been influenced by the warm currents. Make the country's warm climate than other countries in Europe. And frequent rain during the spring and fall as much as 700 millimeters per year.
Native Netherlands. Specializes in commercial long. And trade with neighboring countries nearby. And trade with countries in other regions of the world. Cause of this expertise has various components together is important in the Netherlands. Has several important rivers flow from many countries in Europe. To embark on his country. Allow cities of the Netherlands. Become a major port is the port forward Rotterdam (Rotterdam), a major port and important in international trade of most of the world is open to people of the Netherlands, conduct commerce with ease.
วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552
Scotland
Scotland (Gaelic: Alba) is a country that is part of the United Kingdom. Occupying the northern third of the island of Great Britain, it shares a border with England to the south and is bounded by the North Sea to the east, the Atlantic Ocean to the north and west, and the North Channel and Irish Sea to the southwest. In addition to the mainland, Scotland consists of over 790 islands including the Northern Isles and the Hebrides.
Edinburgh, the country's capital and second largest city, is one of Europe's largest financial centres. Edinburgh was the hub of the Scottish Enlightenment of the 18th century, which transformed Scotland into one of the commercial, intellectual and industrial powerhouses of Europe. Glasgow, Scotland's largest city, was once one of the world's leading industrial cities and now lies at the centre of the Greater Glasgow conurbation. Scottish waters consist of a large sector of the North Atlantic and the North Sea, containing the largest oil reserves in the European Union.
The Kingdom of Scotland was an independent sovereign state before 1 May 1707 when it entered into a political union with the Kingdom of England to create the united Kingdom of Great Britain. This union resulted from the Treaty of Union agreed in 1706 and enacted by the twin Acts of Union passed by the Parliaments of both countries, despite widespread protest across Scotland.Scotland's legal system continues to be separate from those of England, Wales, and Northern Ireland and Scotland still constitutes a distinct jurisdiction in public and in private law. The continued independence of Scots law, the Scottish education system, and the Church of Scotland have all contributed to the continuation of Scottish culture and Scottish national identity since the Union. Although Scotland is no longer a separate sovereign state, issues surrounding devolution and independence continue to be debated. After the creation of the devolved Scottish Parliament in 1999, the first ever pro-independence Scottish Government was elected in 2007.
Edinburgh, the country's capital and second largest city, is one of Europe's largest financial centres. Edinburgh was the hub of the Scottish Enlightenment of the 18th century, which transformed Scotland into one of the commercial, intellectual and industrial powerhouses of Europe. Glasgow, Scotland's largest city, was once one of the world's leading industrial cities and now lies at the centre of the Greater Glasgow conurbation. Scottish waters consist of a large sector of the North Atlantic and the North Sea, containing the largest oil reserves in the European Union.
The Kingdom of Scotland was an independent sovereign state before 1 May 1707 when it entered into a political union with the Kingdom of England to create the united Kingdom of Great Britain. This union resulted from the Treaty of Union agreed in 1706 and enacted by the twin Acts of Union passed by the Parliaments of both countries, despite widespread protest across Scotland.Scotland's legal system continues to be separate from those of England, Wales, and Northern Ireland and Scotland still constitutes a distinct jurisdiction in public and in private law. The continued independence of Scots law, the Scottish education system, and the Church of Scotland have all contributed to the continuation of Scottish culture and Scottish national identity since the Union. Although Scotland is no longer a separate sovereign state, issues surrounding devolution and independence continue to be debated. After the creation of the devolved Scottish Parliament in 1999, the first ever pro-independence Scottish Government was elected in 2007.
วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552
Switzerland
Switzerland (German: die Schweiz[8] French: la Suisse, Italian: Svizzera, Romansh: Svizra), officially the Swiss Confederation (Confoederatio Helvetica in Latin, hence its ISO country codes CH and CHE), is a federal republic consisting of 26 states named cantons, with Bern as the seat of the federal authorities. The country is situated in Western Europe where it is bordered by Germany to the north, France to the west, Italy to the south and Austria and Liechtenstein to the east.
Switzerland is a landlocked country whose territory is geographically divided between the Jura, the Central Plateau and the Alps; adding together an area of 41,285 km². The approximately 7.7 million people concentrate mostly on the Plateau, where the largest cities are to be found. Among them the two global cities and economic centres of Zürich and Geneva. Switzerland is one of the richest countries in the world by per capita gross domestic product, with a nominal per capita GDP of $67,384. Zürich and Geneva have respectively been ranked as having the second and third highest quality of life in the world.
The Swiss Confederation has a long history of neutrality—it has not been at war internationally since 1815—and was one of the last countries to join the United Nations. Switzerland is home to many international organisations, including the WEF, the Red Cross, the World Trade Organization and the second largest UN office. On the European level it was a founder of the European Free Trade Association and is part of the Schengen Agreement.
Switzerland comprises three main linguistic and cultural regions: German, French, Italian, to which are added the Romansh-speaking valleys. The Swiss therefore do not form a nation in the sense of a common ethnic or linguistic identity. The strong sense of belonging to the country is founded on the common historical background, shared values (federalism, direct democracy, neutrality) and Alpine symbolism. The establishment of the Swiss Confederation is traditionally dated to 1 August 1291; Swiss National Day is celebrated on the anniversary
Switzerland is a landlocked country whose territory is geographically divided between the Jura, the Central Plateau and the Alps; adding together an area of 41,285 km². The approximately 7.7 million people concentrate mostly on the Plateau, where the largest cities are to be found. Among them the two global cities and economic centres of Zürich and Geneva. Switzerland is one of the richest countries in the world by per capita gross domestic product, with a nominal per capita GDP of $67,384. Zürich and Geneva have respectively been ranked as having the second and third highest quality of life in the world.
The Swiss Confederation has a long history of neutrality—it has not been at war internationally since 1815—and was one of the last countries to join the United Nations. Switzerland is home to many international organisations, including the WEF, the Red Cross, the World Trade Organization and the second largest UN office. On the European level it was a founder of the European Free Trade Association and is part of the Schengen Agreement.
Switzerland comprises three main linguistic and cultural regions: German, French, Italian, to which are added the Romansh-speaking valleys. The Swiss therefore do not form a nation in the sense of a common ethnic or linguistic identity. The strong sense of belonging to the country is founded on the common historical background, shared values (federalism, direct democracy, neutrality) and Alpine symbolism. The establishment of the Swiss Confederation is traditionally dated to 1 August 1291; Swiss National Day is celebrated on the anniversary
วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552
Poland
Poland (Rzeczpospolita Polska), is a country in Central Europe. Poland is bordered by Germany to the west; the Czech Republic and Slovakia to the south; Ukraine, Belarus and Lithuania to the east; and the Baltic Sea and Kaliningrad Oblast, a Russian exclave, to the north. The total area of Poland is 312,679 square kilometres (120,726 sq mi),[2] making it the 69th largest country in the world and the 9th largest in Europe. Poland has a population of over 38 million people,[2] which makes it the 34th most populous country in the world[4] and the most populous Eastern European Member State of the EU.
The establishment of a Polish state is often identified with the adoption of Christianity by its ruler Mieszko I, in 966 (see Baptism of Poland), when the state covered territory similar to that of present-day Poland. In 1025, Poland became a kingdom and in 1569, it cemented a long association with the Grand Duchy of Lithuania, by signing the Union of Lublin, forming the Polish–Lithuanian Commonwealth. The Commonwealth collapsed in 1795 and Poland's territory was partitioned among the Kingdom of Prussia, the Russian Empire, and Austria. Poland regained its independence as the Second Polish Republic in 1918, after World War I, but was later occupied by Nazi Germany and the Soviet Union during World War II. Poland lost over six million citizens in World War II, emerging several years later as the socialist People's Republic of Poland within the Eastern Bloc, under strong Soviet influence.
During the Revolutions of 1989, communist rule was overthrown and Poland became what is constitutionally known as the "Third Polish Republic". Poland is a unitary state, made up of sixteen voivodeships (Polish: województwo). Poland is also a member of the European Union, NATO, United Nations, World Trade Organization, and the Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD).
The establishment of a Polish state is often identified with the adoption of Christianity by its ruler Mieszko I, in 966 (see Baptism of Poland), when the state covered territory similar to that of present-day Poland. In 1025, Poland became a kingdom and in 1569, it cemented a long association with the Grand Duchy of Lithuania, by signing the Union of Lublin, forming the Polish–Lithuanian Commonwealth. The Commonwealth collapsed in 1795 and Poland's territory was partitioned among the Kingdom of Prussia, the Russian Empire, and Austria. Poland regained its independence as the Second Polish Republic in 1918, after World War I, but was later occupied by Nazi Germany and the Soviet Union during World War II. Poland lost over six million citizens in World War II, emerging several years later as the socialist People's Republic of Poland within the Eastern Bloc, under strong Soviet influence.
During the Revolutions of 1989, communist rule was overthrown and Poland became what is constitutionally known as the "Third Polish Republic". Poland is a unitary state, made up of sixteen voivodeships (Polish: województwo). Poland is also a member of the European Union, NATO, United Nations, World Trade Organization, and the Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD).
วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552
Italy
Italy /ˈɪtəli/ (help·info) (Italian: Italia), officially the Italian Republic (Italian: Repubblica Italiana), is a country located on the Italian Peninsula in Southern Europe and on the two largest islands in the Mediterranean Sea, Sicily and Sardinia. Italy shares its northern, Alpine boundary with France, Switzerland, Austria and Slovenia. The independent states of San Marino and the Vatican City are enclaves within the Italian Peninsula, and Campione d'Italia is an Italian exclave in Switzerland.
The land known as Italy today has been the cradle of many European cultures and peoples, such as the Etruscans and the Romans. Later it was the birthplace of the Renaissance that began in Tuscany[citation needed] and spread all over Europe. It also played a major role in the development of modern science and astronomy, particularly heliocentrism, as well as the University, and opera. Italy's capital, Rome, was for centuries the center of Western civilization. Italy possessed a colonial empire from the second half of the nineteenth century to the mid-twentieth century.
Today, Italy is a democratic republic and a developed country with the eighth-highest quality of life index rating in the world. It is a founding member of what is now the European Union, having signed the Treaty of Rome in 1957, and it is a founding member of the North Atlantic Treaty Organization (NATO). It is a member of the G8, having the world's seventh-largest nominal GDP, and is also a member state of the Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD), the World Trade Organization (WTO), the Council of Europe, the Western European Union, and the Central European Initiative. Italy is a Schengen state. It has the world's seventh-largest defence budget and shares NATO's nuclear weapons.
The land known as Italy today has been the cradle of many European cultures and peoples, such as the Etruscans and the Romans. Later it was the birthplace of the Renaissance that began in Tuscany[citation needed] and spread all over Europe. It also played a major role in the development of modern science and astronomy, particularly heliocentrism, as well as the University, and opera. Italy's capital, Rome, was for centuries the center of Western civilization. Italy possessed a colonial empire from the second half of the nineteenth century to the mid-twentieth century.
Today, Italy is a democratic republic and a developed country with the eighth-highest quality of life index rating in the world. It is a founding member of what is now the European Union, having signed the Treaty of Rome in 1957, and it is a founding member of the North Atlantic Treaty Organization (NATO). It is a member of the G8, having the world's seventh-largest nominal GDP, and is also a member state of the Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD), the World Trade Organization (WTO), the Council of Europe, the Western European Union, and the Central European Initiative. Italy is a Schengen state. It has the world's seventh-largest defence budget and shares NATO's nuclear weapons.
History
Prehistory to Roman Empire
The Colosseum in Rome, perhaps the most enduring symbol of Italy.
Excavations throughout Italy reveal a modern human presence dating back to the Palaeolithic period, some 200,000 years ago.[10] In the 8th and 7th centuries BC Greek colonies were established all along the coast of Sicily and the southern part of the Italian Peninsula. Subsequently, Romans referred to this area as Magna Graecia, as it was so densely inhabited by Greeks.[11][12][13] Ancient Rome was at first a small agricultural community founded circa the 8th century BC that grew over the course of the centuries into a colossal empire encompassing the whole Mediterranean Sea, in which Ancient Greek and Roman cultures merged into one civilization. This civilization was so influential that parts of it survive in modern law, administration, philosophy and arts, forming the ground that Western civilization is based upon. In its twelve-century existence, it transformed itself from monarchy to republic and finally to autocracy. In steady decline since the 2nd century AD, the empire finally broke into two parts in 285 AD: the Western Roman Empire and the Byzantine Empire in the East. The western part under the pressure of Goths finally dissolved, leaving the Italian peninsula divided into small independent kingdoms and feuding city states for the next 14 centuries, and leaving the eastern part sole heir to the Roman legacy.
The Colosseum in Rome, perhaps the most enduring symbol of Italy.
Excavations throughout Italy reveal a modern human presence dating back to the Palaeolithic period, some 200,000 years ago.[10] In the 8th and 7th centuries BC Greek colonies were established all along the coast of Sicily and the southern part of the Italian Peninsula. Subsequently, Romans referred to this area as Magna Graecia, as it was so densely inhabited by Greeks.[11][12][13] Ancient Rome was at first a small agricultural community founded circa the 8th century BC that grew over the course of the centuries into a colossal empire encompassing the whole Mediterranean Sea, in which Ancient Greek and Roman cultures merged into one civilization. This civilization was so influential that parts of it survive in modern law, administration, philosophy and arts, forming the ground that Western civilization is based upon. In its twelve-century existence, it transformed itself from monarchy to republic and finally to autocracy. In steady decline since the 2nd century AD, the empire finally broke into two parts in 285 AD: the Western Roman Empire and the Byzantine Empire in the East. The western part under the pressure of Goths finally dissolved, leaving the Italian peninsula divided into small independent kingdoms and feuding city states for the next 14 centuries, and leaving the eastern part sole heir to the Roman legacy.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
